Back to: Applying Excel in Product Summary and Invoice
สูตร SumProduct แบบนำเงื่อนไขมาคูณกันจะสามารถหายอดรวมของเงื่อนไขที่ต่างกันได้ง่ายมาก สะดวกกว่าสูตร SumIFS ที่ต้องใส่เงื่อนไขแยกส่วนกันและต้องใช้แบบ Text เสียอีก
G5
=IF(AND($C5=MyProduct,$B5>=FromDate,$B5<=ToDate), SUMPRODUCT(($C$5:$C5=MyProduct)*($B$5:$B5>=FromDate)*($B$5:$B5<=ToDate)*D$5:D5), 0)
($C$5:$C5=MyProduct) หาสินค้าที่ต้องการ
($B$5:$B5>=FromDate) หาวันที่ตั้งแต่วันเริ่มต้นในเซลล์ FromDate
($B$5:$B5<=ToDate) หาวันที่ถึงวันสุดท้ายที่ต้องการในเซลล์ ToDate
Download ตัวอย่างได้จาก
https://drive.google.com/file/d/1slRNzzUkX03aDrJZ8AImnSuDXaGrFQGA/view?usp=sharing
เนื่องจาก Excel ที่ใช้ในวิดีโอนี้เป็น Excel 365 จึงทำให้เวลาสร้างสูตรอาเรย์แบบสะสมเพื่อแกะนั้น Excel จะกระจายค่าให้เองทำให้แกะยากขึ้นและทำความเข้าใจยาก ดังนั้นแทนที่จะใช้ความสามารถพิเศษของ Excel 365 จึงใช้วิธีสร้างสูตรลงไปในตารางหลายเซลล์แล้วกดปุ่ม Ctrl+Shift+Enter เพื่อกระจายค่าในพื้นที่ตารางนั้น
สูตร AND($C5=MyProduct,$B5>=FromDate,$B5<=ToDate) ใช้เป็นเงื่อนไขในการแสดงเฉพาะรายการที่ต้องการโดยนำไปซ้อนใน IF และใช้เป็นเงื่อนไขใน Conditional Formatting
ปล เนื่องจากหลักสูตรนี้เน้นการแสดงวิธีสร้างเพื่อแก้โจทย์เป็นหลัก หากจะอธิบายที่ไปที่มาของแต่ละเรื่องแต่ละเครื่องมือที่นำมาใช้ร่วมกัน ต้องเสียเวลอธิบายนานกว่านี้มาก จึงขอแนะนำให้เรียนหลักสูตรหันมาใช้ Excel จัดการข้อมูลแทน Access กันดีกว่า หรือหลักสูตร Dynamic Reports ซึ่งอธิบายที่ไปที่มาไว้ละเอียด